วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความหมายของธงกฐิน ทั้ง ๔ ปริศนาธรรมของคนโบราณ

     แอดมินอ่านเจอในเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1513722482282016&set=a.1419778285009770.1073741830.100009328362977&type=3&theater เห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงนำมาบอกต่อครับ ^_^


ความหมายของธงกฐิน ทั้ง ๔ ปริศนาธรรมของคนโบราณ 
  • ธงรูปจระเข้คาบดอกบัว หมายถึง อย่ามีความโลภเหมือนจระเข้ (เพราะจระเข้มีปากที่ใหญ่กินไม่อิ่ม ) 
  • ธงรูปนางกินรีหรือนางมัจฉาถือดอกบัว หมายถึง อย่ามีความหลง (เสน่ห์แห่งความงามที่ชวนหลงใหล) 
  • ธงรูปตะขาบคาบดอกบัว หมายถึง อย่าโกรธเหมือนตะขาบ (เพราะตะขาบเป็นสัตว์มีพิษร้าย) เหมือนความโกรธที่แผดเผาจิตใจ
  • ธงรูปเต่าคาบดอกบัว หมายถึง จงมีสติเหมือนเต่า (คือการสำรวมระวังรักษาอายตนะทั้ง ๖ ดุจเต่าที่หดอวัยวะอยู่ในกระดอง) 
     ในปัจจุบันส่วนใหญ่เรามักจะเห็นเพียงธงจระเข้คาบดอกบัว และ ธงมัจฉาถือดอกบัว เท่านั้น ส่วนธงตะขาบคาบดอกบัวและ เต่าคาบดอกบัว พบเห็นได้น้อยมากจะมีก็แต่บางวัดเท่านั้นที่ยังคงรักษาธรรมเนียมเก่าไว้

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรื่องเล่าแอดมิน

ช่วงที่ผ่านมาแอดมินลองไปสอบครูผู้ช่วยมาครับ ผลสอบปรากฏว่าได้ขึ้นบัญชีครับ (แอบดีใจ) คำถามที่สำคัญเกี่ยวกับความรู้ความสามารถทั่วไปของวิชาชีพ คือคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ทำให้แอดมินต้องกลับมาทบทวนว่า หนังสือที่แอดมินได้จากการอบรมคุณธรรมน่าจะมีประโยชน์ต่อครูทั้งหลายในการขยายความและช่วยให้ครูเห็นพฤติกรรมที่ชัดเจนได้ดีขึ้น แอดมินกำลังเตรียมเนื้อหาอยู่ พบกันเร็วๆนี้ครับ ^_^

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จรรยาบรรณห้ามลืม

1. ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า
  • สร้างความรู้สึกเป็นมิตร เป็นที่พึ่งพาและไว้วางใจได้ของศิษย์แต่ละคนและทุกคน 
    ตัวอย่างเช่น
     ให้ความเป็นกันเองกับศิษย์, รับฟังปัญหาของศิษย์และให้ความช่วยเหลือศิษย์, ร่วมทำกิจกรรมกับศิษย์เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม, สนทนาไต่ถามทุกข์สุขของศิษย์ ฯลฯ
  • ตอบสนองข้อเสนอและการกระทำของศิษย์บนทางสร้างสรรค์ ตามสภาพปัญหาความต้องการและศักยภาพของศิษย์แต่ละคนและทุกคน 
    ตัวอย่างเช่น
     สนใจคำถามและคำตอบของศิษย์ทุกคน, ให้โอกาสศิษย์แต่ละคนได้แสดงออกตามความสามารถ ความถนัด และความสนใจ, ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของศิษย์, รับการนัดหมายของศิษย์เกี่ยวกับการเรียนรู้ก่อนงานอื่น ฯลฯ
  • เสนอและแนะแนวทางการพัฒนาของศิษย์แต่ละคนและทุกคนตามความถนัด ความสนใจ และศักยภาพของศิษย์ 
    ตัวอย่างเช่น
     มอบหมายงานตามความถนัด, จัดกิจกรรมหลากหลายตามสภาพความแตกต่างของศิษย์เพื่อให้แต่ละคนประสบความสำเร็จเป็นระยะๆอยู่เสมอ,แนะแนวทางที่ถูกให้แก่ศิษย์,   ปรึกษาหารือกับครู ผู้ปกครอง เพื่อนนักเรียน เพื่อหาสาเหตุและวิธีแก้ปัญหาของศิษย์ ฯลฯ
  • แสดงผลงานที่ภูมิใจของศิษย์แต่ละคน และทุกคนทั้งในและนอกสถานศึกษา 
    ตัวอย่างเช่น
     ตรวจผลงานของศิษย์ย่างสม่ำเสมอ, แสดงผลงานของศิษย์ในห้องเรียน (ห้องปฏิบัติการ), ประกาศหรือเผยแพร่ผลงานของศิษย์ประสบความสำเร็จ ฯลฯ
2. ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดีงาม ให้เกิดแก่ศิษย์ อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ
  • อบรม สั่งสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศิษย์ย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ
    ตัวอย่างเช่น สอนเต็มเวลา ไม่เบียดบังเวลาของศิษย์ไปหาผลประโยชน์ส่วนตน, เอาใจใส่ อบรม สั่งสอนศิษย์จนเกิดทักษะในการปฏิบัติงาน, อุทิศเวลาเพื่อพัฒนาศิษย์ตามความจำเป็นและเมหาะสมไม่ละทิ้งชั้นเรียนหรือขาดการสอน  ฯลฯ
  • อบรม สั่งสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศิษย์ย่างเต็มศักยภาพ
    ตัวอย่างเช่น เลือกใช้วิธีการที่หลากหลายในการสอนให้เหมาะสมกับสภาพของศิษย์, ให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง, สอนเต็มความสามารถ, เปิดโอกาสให้ศิษย์ได้ฝึกปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ, สอนเต็มความสามารถและด้วยความเต็มใจ, กำหนดเป้าหมายที่ท้าทาย พัฒนาขึ้น, ลงมือจัด เลือกกิจกรรมที่นำสู่ผลจริง, ประเมิน ปรับปรุง ให้ได้ผลจริง, ภูมิใจเมื่อศิษย์ได้พัฒนา ฯลฯ
  • อบรม สั่งสอน ฝึกฝนและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาศิษย์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    ตัวอย่างเช่น สั่งสอนศิษย์โดยไม่บิดเบือนหรือปิดบัง อำพราง, อบรมสั่งสอนศิษย์โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง, มอบหมายงานและตราวจผลงานด้วยความยุติธรรม ฯลฯ
3. ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ
  • ตระหนักว่าพฤติกรรมการแสดงออกของครูมีผลต่อการพัฒนาพฤติกรรมของศิษย์อยู่เสมอ
    ตัวอย่างเช่น ระมัดระวังในการกระทำ และการพูดของตนเองอยู่เสมอ, ไม่โกรธง่ายหรือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าศิษย์ มองโลกในแง่ดี ฯลฯ
  • พูดจาสุภาพและสร้างสรรค์โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับศิษย์ละสังคม
    ตัวอย่างเช่น ไม่พูดคำหยาบหรือก้าวร้าว, ไม่นินทาหรือพูดจาส่อเสียด, พูดชมเชยให้กำลังใจศิษยด้วยความจริงใจ ฯลฯ
  • กระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี สอดคล้องกับคำสอนของตน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม
    ตัวอย่างเช่น ปฏิบัติตนให้มีสุขภาพ และบุคลิกภาพที่ดีอยู่เสมอ, แต่งกายสะอาดสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ, แสดงกริยามารยาทสุภาพเรียบร้อยอยู่เสมอ, ตรงต่อเวลา, แสดงออกซึ่งนิสัยที่ดีในการประหยัด ซื่อสัตย์อดทน สามัคคี มีวินัย  รักษาสาธารณสมบัติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
4. ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์
  • ละเว้นการกระทำที่ทำให้ศิษย์เกิดความกระทบกระเทือนต่อจิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคมของศิษย์
    ตัวอย่างเช่น ไม่นำปมด้อยของศิษย์มาล้อเลียน, ไม่ประจานศิษย์, ไม่พูดจาหรือกระทำการใดที่เป็นการซ้ำเติมปัญหาหรือข้อบกพร่องของศิษย์, ไม่นำความเครียดมาระบายต่อศิษย์, ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือสีหน้า ท่าทาง, ไม่เปรียบเทียบฐานะความเป็นอยู่ของศิษย, ไม่ลงโทษศิษย์เกินกว่าเหตุ ฯลฯ
  • ละเว้นการกระทำที่เป็นอันตราต่อสุขภาพและร่างกายของศิษย์
    ตัวอย่างเช่น ไม่ทำร้ายร่างกายศิษย์, ไม่ลงโทษศิษย์เกินกว่าระเบียบกำหนด, ไม่จัดหรือปล่อยปละละเลยให้สภาพแวดล้อมเป็นอันตรายต่อศิษย์, ไม่ใช่ศิษย์ทำงานเกินกำลังความสามารถ ฯลฯ
  • ละเว้นการกระทำที่สกัดกั้นพัฒนาการทางสติปัญญา อารมณ์ จิตใจ และสังคมของศิษย์
    ตัวอย่างเช่น ไม่ตัดสินคำตอบถูกผิดโดยยึดคำตอบของครู, ไม่ดุด่าซ้ำเติมศิษย์ที่เรียนช้า, ไม่ขัดขวางโอกาศให้ศิษย์ได้แสดงออกทางสร้างสรรค์, ไม่ตั้งฉายาในทางลบให้แก่ศิษย์ ฯลฯ
5. ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช้ให้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาผลประโยชน์  ให้แก่ตนโดยมิชอบ
  • ไม่รับหรือแสวงหาอามิสสินจ้างหรือผลประโยชน์อันมิควรจากศิษย์ตัวอย่างเช่น ไม่หารายได้จากการนำสินค้ามาขายให้ศิษย์, ไม่ตัดสินผลงานหรือผลการเรียน โดยมีสิ่งแลกเปลี่ยน, ไม่บังคับหรือสร้างเงื่อนไขให้ศิษย์มาเรียนพิเศษเพื่อหารายได้ ฯลฯ
  • ไม่ใช้ศิษย์เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ให้กับตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีหรือความรู้สึกของสังคม
    ตัวอย่างเช่น ไม่นำผลงานของศิษย์ไปแสวงหากำไรส่วนตน, ไม่ใช้แรงงานศิษย์เพื่อประโยชน์ส่วนตน, ไม่ใช้หรือจ้างวานศิษย์ไปทำสิ่งผิดกฏหมาย ฯลฯ
6. ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งทางด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง วิทยาการ เศรษฐกิจสังคมและการเมืองอยู่เสมอ 
  • ใส่ใจศึกษาค้นคว้า ริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวกับวิชาชีพอยู่เสมอ
    ตัวอย่างเช่น หาความรู้จากเอกสาร ตำรา และสื่อต่างๆอยู่เสมอ, จัดทำและเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ ตามโอกาส, เข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา หรือฟังการบรรยาย หรืออภิปรายทางวิชาการ ฯลฯ
  • มีความรอบรู้ทันสมัย ทันเหตุการณ์ สามารถนำมาวิเคราะห์ กำหนดเป้าหมาย แนวทางพัฒนาตนเองและวิชาชีพ ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การอาชีพ และเทคโนโลยี
    ตัวอย่างเช่น นำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ประกอบการเรียนการสอน, ติดตามข่าวสารเหตุการณ์บ้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การเมืองอยู่เสมอ, วางแผนพัฒนาตนเองและพัฒนางาน ฯลฯ
  • แสดงออกทางร่างกาย กริยา วาจา อย่างสง่างาม เหมาะสมกับกาลเทศะตัวอย่างเช่น รักษาสุขภาพและปรับปรุงบุคลิกภาพอยู่เสมอ, มีความเชื่อมั่นในตนเอง, แต่งกายสะอาดเหมาะสมกับกาลเทศะและทันสมัยมีความกระตือรือร้น ไวต่อความรู้สึกของสังคม ฯลฯ
7. ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครูและเป็นสมาชิกที่ดีต่อองค์กรวิชาชีพครู
  • เชื่อมั่น ชื่นชม ภูมิใจในความเป็นครูและองค์กรวิชาชีพครู ว่ามีความสำคัญและจำเป็นต่อสังคม
    ตัวอย่างเช่น ชื่นชมในเกียรติและรางวัลที่ได้รับและรักษาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย, ยกย่องชมเชยเพื่อนครูที่ประสบผลสำเร็จเกี่ยวกับการสอน, เผยแพร่ผลสำเร็จของตนเองและเพื่อนครู, แสดงตนว่าเป็นครูอย่างภาคภูมิ ฯลฯ
  • เป็นสมาชิกองค์กรวิชาชีพครูและสนับสนุนหรือเข้าร่วมหรือเป็นผู้นำในกิจกรรมพัฒนาวิชาชีพครู
    ตัวอย่างเช่น ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อกำหนดขององค์กร, ร่วมกิจกรรมที่องค์กรจัดขึ้น, เป็นกรรมการหรือคณะทำงานขององค์กร ฯลฯ
  • ปกป้องเกียรติภูมิของครูและองค์กรวิชาชีพ
    ตัวอย่างเช่น เผยแพร่ประชมสัมพันธ์ผลงานของครูและองค์กรวิชาชีพครู, เมื่อมีผู้เข้าใจผิดเกี่ยวกับวงการวิชาชีพครูก็ชี้แจงทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ฯลฯ
8. ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์
  • ให้ความร่วมมือแนะนำ ปรึกษาแก่เพื่อนครูตามโอกาสและความเหมาะสม
    ตัวอย่างเช่น ให้คำปรึกษาการจัดทำผลงานทางวิชาการ, ให้คำแนะนำการผลิตสื่อการเรียนการสอน ฯลฯ
  • ให้ความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สิ่งของแด่เพื่อนครูตามโอกาสและความเหมาะสม
    ตัวอย่างเช่น ร่วมงานกุศล, ช่วยทรัพย์เมื่อเพื่อนครูเดือนร้อน, จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฯลฯ
  • เข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนรวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางวิธีการปฏิบัติตน ปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
    ตัวอย่างเช่น แนะแนวทางการป้องกัน และกำจัดมลพิษ, ร่วมกิจกรรมตามประเพณีของชุมชน ฯลฯ
9. ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนาภูมิปัญญา และวัฒนธรรมไทย
  • รวบรวมข้อมูลและเลือกสรรภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่เหมาะสมมาใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน
    ตัวอย่างเช่น เชิญบุคคลในท้องถิ่นมาเป็นวิทยากร, นำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้จัดการเรียนการสอน, นำศิษย์ไปศึกษาในแหล่งวิทยาการชุมชน ฯลฯ
  • เป็นผู้นำในการวางแผน และดำเนินการเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรม
    ตัวอย่างเช่น ฝึกการละเล่นท้องถิ่นให้แก่ศิษย์, จัดตั้งชมรม สนใจศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น, จัดทำพิพิธภัณฑ์ในสถานศึกษา ฯลฯ
  • สนับสนุนส่งเสริมเผยแพร่และร่วมกิจกรรมทางประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนอย่างสม่ำเสมอ
    ตัวอย่างเช่น รณรงค์การใช้สินค้าพื้นเมือง, เผยแพร่การแสดงศิลปะพื้นบ้าน, ร่วมงานประเพณีของท้องถิ่น ฯลฯ
  • ศึกษาวิเคราะห์ วิจัยภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อนำผลมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
    ตัวอย่างเช่น ศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับการละเล่นพื้นบ้าน นิทานพื้นบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ตำนานและความเชื่อถือ, นำผลการศึกษาวิเคราะห์มาใช้ในการเรียนการสอน ฯลฯ

ที่มา: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2541
ข้อมูลเพิ่มเติเข้าไปดูได้ที่ : http://www.edu.chula.ac.th/knowledge/rule/rule2539.htm